2025.04.04การทำงาน • ทำงานบริษัทญี่ปุ่น

บริษัทรับจ้างลาออก: ความจำเป็นใหม่ของคนทำงานในญี่ปุ่น

บริษัทรับจ้างลาออก: ความจำเป็นใหม่ของคนทำงานในญี่ปุ่น

เรื่องราวมากมายเกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นโดยเฉพาะเรื่องการทำงานที่ทุ่มเท การให้ความสำคัญกับความภักดีต่อองค์กร ทั้งยังมีรูปแบบการจ้างงานที่ฝังรากลึกในหลาย ๆ บริษัท คือ “การจ้างงานตลอดชีพ” (Lifetime Employment)  ดังนั้น การลาออกจากงานในญี่ปุ่นอาจเป็นเรื่องที่ยุ่งยากและเต็มไปด้วยข้อจำกัดทางสังคม แม้ว่าญี่ปุ่นจะเป็นประเทศที่มีระบบการทำงานที่เข้มงวด แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เราได้เห็นสตาร์ทอัพใหม่ที่ให้บริการ “รับจ้างลาออก” หรือ “Taishoku Daikou” (退職代行) เกิดขึ้นและได้รับความนิยมอย่างมาก ทำไมธุรกิจประเภทนี้ถึงเกิดขึ้น? ทำไมคนญี่ปุ่นถึงต้องใช้บริการเหล่านี้?   บทความนี้จะพาคุณมาทำความรู้จักกับบริษัทรับจ้างลาออกกันให้มากขึ้นค่ะ

ทำไมการลาออกในญี่ปุ่นจึงเป็นเรื่องยาก?

1.วัฒนธรรมการทำงานที่เคร่งครัด ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมการทำงานที่เข้มงวดและให้ความสำคัญกับความภักดีต่อบริษัทเป็นอย่างมาก พนักงานหลายคนทำงานในบริษัทเดียวเป็นเวลาหลายปี หลายคนรู้สึกเกรงใจหัวหน้าหรือบางครั้งการลาออกอาจถูกมองว่าเป็นการทรยศต่อองค์กร

2.ความกดดันทางสังคมและบริษัท

  1. – พนักงานที่ลาออกอาจต้องเผชิญกับแรงกดดันจากหัวหน้าและเพื่อนร่วมงาน
  2. – บางบริษัทไม่ยอมให้พนักงานลาออกง่าย ๆ และใช้กลยุทธ์ขัดขวาง เช่น การปฏิเสธใบลาออก
  3. – กฎระเบียบภายในของบางบริษัทอาจมีข้อจำกัดเกี่ยวกับการแจ้งลาออกที่เข้มงวด

3.ความกังวลด้านกฎหมาย แม้ว่ากฎหมายแรงงานของญี่ปุ่นจะระบุว่าพนักงานสามารถลาออกได้โดยแจ้งล่วงหน้าตามสัญญาจ้างงาน แต่ในทางปฏิบัติ พนักงานหลายคนถูกกดดันให้ทำงานต่อไป หรือถูกบังคับให้ทำตามขั้นตอนที่ซับซ้อน

บริษัทรับจ้างลาออกคืออะไร?

บริษัทบริการรับจ้างลาออก (taishoku daiko) เกิดขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่น โดยมีบริษัท Exit เป็นบริษัทสตาร์ตอัพที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2017 เป็นบริษัทแรกที่เริ่มต้นบริการนี้ จนปัจจุบันมีบริษัทที่ดำเนินธุรกิจในทำนองเดียวกันมากกว่า 20 แห่งในญี่ปุ่น โดยผู้ก่อตั้งคือคุณโทชิยูกิ นิอิโนะ ที่เคยเผชิญกับสถานการณ์ความกดดันและยากลำบากในการลาออกและพื่อหลีกเลี่ยงการพบเจอกับอุปสรรคต่าง ๆ ในกระบวนการลาออกเลยมีความคิดในการก่อตั้งบริษัทนี้ขึ้นมา

โดยบริการที่บริษัทรับจ้างลาออกต่างๆ เหล่านี้จะดำเนินการเป็นตัวกลางที่ช่วยพนักงานลาออกจากงานโดยไม่ต้องเผชิญกับนายจ้างโดยตรง พวกเขาจะดำเนินการทุกอย่างแทนลูกค้า เช่น

  1. – แจ้งลาออกกับบริษัทแทนพนักงาน
  2. – ติดต่อฝ่ายบุคคลและทำเอกสารที่เกี่ยวข้อง
  3. – ปรึกษาด้านกฎหมายในกรณีที่นายจ้างปฏิเสธใบลาออก

สำหรับค่าบริการของบริษัทรับจ้างลาออกโดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 20,000 – 50,000 เยน (ประมาณ 5,000 – 12,000 บาท) ขึ้นอยู่กับระดับและรายละเอียดของบริการ

ตัวอย่างบริษัทที่ให้บริการรับจ้างลาออก

  • Exit (エグジット) เป็นหนึ่งในบริษัทที่เริ่มต้นธุรกิจรับจ้างลาออกและได้รับความนิยมอย่างมาก   
  • Yameta (やめた) ให้บริการแบบครบวงจร รวมถึงให้คำปรึกษาทางกฎหมาย
  • Taishoku.com ให้บริการออนไลน์สำหรับพนักงานที่ต้องการลาออกโดยไม่ต้องพบเจอนายจ้าง

กลุ่มเป้าหมายของบริการรับจ้างลาออก

  1. 1.คนวัยทำงานช่วงอายุ 20-30 ปี จากสถิติพบว่าคนที่ใช้บริการรับจ้างลาออกส่วนใหญ่อยู่ในช่วงอายุ 20-30 ปี โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ไม่ต้องการเผชิญกับความเครียดในการแจ้งลาออกด้วยตนเอง โดยเฉพาะเด็กจบใหม่ที่เพิ่งเข้าไปทำงานแต่เมื่อทำงานจริงพบว่าไม่ตรงกับความคาดหวังจึงต้องการลาออก
  2. 2.คนที่ทำงานในสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษ (Toxic Work Environment) เช่น พนักงานที่ถูกกลั่นแกล้งในที่ทำงาน (Power Harassment) หรือ พนักงานที่ถูกบังคับให้ทำงานล่วงเวลาโดยไม่มีค่าตอบแทน (Karoshi หรือภาวะการทำงานหนักเกินไปจนเสียชีวิต)
  3. 3.พนักงานที่ไม่ต้องการเผชิญหน้ากับนายจ้าง บางคนอาจมีความวิตกกังวลทางจิตใจ หรือไม่ต้องการเผชิญหน้ากับนายจ้างที่อาจใช้คำพูดกดดันหรือทำให้พวกเขารู้สึกผิด

การเติบโตของตลาดบริษัทรับจ้างลาออก

จากสถิติที่ผ่านมา ทั้งจากสภาวะทางเศรษฐกิจ รูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนไป คาดการณ์ว่า การเติบโตของตลาด ตลาดของบริษัทรับจ้างลาออกเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหลังจากวิกฤติโควิด-19 ที่ทำให้หลายคนต้องการเปลี่ยนงานหรือออกจากงานที่มีภาวะเครียดสูง  แต่อย่างไรก็ตาม การยอมรับจากสังคม แม้ว่าธุรกิจนี้จะได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากบางกลุ่มที่มองว่าเป็นการหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ แต่ก็มีผู้สนับสนุนจำนวนมากที่เห็นว่าการให้บริการนี้ช่วยลดภาระทางอารมณ์ของพนักงานและช่วยให้พวกเขาเริ่มต้นใหม่ได้ง่ายขึ้น

นอกจากนี้ บทความจาก Al Jazeera เรื่อง “In Japan, embarrassed employees pay agencies to quit for them” กล่าวถึงแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นของการใช้บริการบริษัทรับจ้างลาออก (Taishoku Daikou) ในญี่ปุ่น โดยกล่าวว่า พนักงานญี่ปุ่นจ้างบริษัทช่วยลาออก เนื่องจากวัฒนธรรมการทำงานในญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับความภักดีต่อบริษัท การลาออกอาจถูกมองว่าเป็นการทรยศหรือขาดความรับผิดชอบ พนักงานหลายคนรู้สึกอับอายหรือกลัวที่จะเผชิญหน้ากับนายจ้างเมื่อต้องแจ้งลาออก หรือบางบริษัทกดดันให้พนักงานทำงานต่อ หรือทำให้ขั้นตอนการลาออกซับซ้อน  นอกจากนี้ยังมองว่า ตลาดบริษัทรับจ้างลาออกกำลังเติบโต โดยเฉพาะคนหนุ่มสาวช่วงอายุ 20-30 ปีเป็นกลุ่มที่ใช้บริการมากที่สุด โดยเฉพาะในช่วงหลังโควิด-19 ที่คนเริ่มเปลี่ยนงานมากขึ้น สำหรับอนาคตของบริการรับจ้างลาออก แนวโน้มของธุรกิจนี้ยังคงเติบโต เนื่องจากสังคมญี่ปุ่นยังคงมีวัฒนธรรมการทำงานที่เคร่งครัด และในอนาคตอาจจะมีความเป็นไปได้ที่บริษัทขนาดใหญ่หรือหน่วยงานกฎหมายจะเข้ามาควบคุมหรือกำกับดูแลมากขึ้น

บริษัทรับจ้างลาออกในญี่ปุ่นเป็นตัวอย่างที่น่าสนใจของธุรกิจที่เกิดขึ้นเพื่อตอบสนองต่อปัญหาทางสังคม วัฒนธรรมการทำงานที่เคร่งครัดทำให้การลาออกเป็นเรื่องที่ยากลำบากสำหรับพนักงานหลายคน ธุรกิจเหล่านี้จึงเข้ามาเติมเต็มช่องว่างและช่วยให้พนักงานสามารถลาออกได้อย่างราบรื่น แม้ว่าจะมีค่าใช้จ่าย แต่สำหรับหลายคนแล้ว บริการนี้ถือเป็นทางออกที่ช่วยลดความเครียดและหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ในที่ทำงาน อีกทั้ง บริการลาออกแทนจะมีผู้เชี่ยวชาญกฎหมายคอยดำเนินการแจ้งลาออกกับบริษัทแทนผู้ใช้บริการ จึงเป็นที่มาว่าทำไมชาวญี่ปุ่นถึงหันมาใช้บริการรับจ้างลาออกกัน การลาออกจากงานในญี่ปุ่นไม่ใช่เรื่องง่าย และบริษัทรับจ้างลาออกได้กลายเป็นทางเลือกสำคัญสำหรับพนักงานที่ต้องการออกจากงานโดยไม่ต้องเผชิญหน้ากับแรงกดดันจากนายจ้างโดยตรง

ที่มา : exitinc  aljazeera.com