เปลี่ยนงานยังไงให้ปัง! เทคนิคการเจรจาต่อรองเงินเดือนสำหรับปี 2026
เปลี่ยนงานยังไงให้ปัง! เทคนิคการเจรจาต่อรองเงินเดือนสำหรับปี 2026
ในโลกการทำงานที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ตลาดแรงงานเต็มไปด้วยการแข่งขันที่ดุเดือด การเปลี่ยนงานไม่ได้เป็นเรื่องแปลกใหม่อีกต่อไป แต่กลับเป็นบันไดสู่โอกาสและความก้าวหน้าในอาชีพของผู้คนยุคใหม่ โดยเฉพาะช่วงปลายปีมักเป็นช่วงเวลาที่หลายคนเริ่มประเมินเส้นทางอาชีพของตัวเอง บางคนตั้งใจเปลี่ยนงานเพื่อความก้าวหน้า บางคนอยากได้ค่าตอบแทนที่เหมาะสมกับความสามารถ และบางคนมองหาสภาพแวดล้อมการทำงานที่ตอบโจทย์ชีวิตมากขึ้น
คุณเคยถามตัวเองไหมว่า เงินเดือนและสวัสดิการที่คุณได้รับในปัจจุบันนั้นเหมาะสมกับทักษะ ประสบการณ์ และความทุ่มเทที่คุณมอบให้บริษัทอย่างเต็มที่แล้วหรือยัง? หรือเคยรู้สึกไหมว่า ทำไมความสามารถของคุณถึงถูกตีราคาต่ำกว่าความเป็นจริง? นั่นเป็นเพราะการเจรจาไม่ใช่แค่การ ‘ต่อรอง’ แต่เป็นการ ‘ยืนยันคุณค่า’ ที่คุณมี ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญที่หลายคนมองข้ามไป
บทความนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่คู่มือ แต่คือแผนที่สู่ความสำเร็จในการเจรจาค่าตอบแทนสำหรับปี 2026 โดยเราจะพาคุณไปสำรวจตั้งแต่การเตรียมตัวเพื่อประเมินคุณค่าของตัวเองอย่างเป็นกลาง ไปจนถึงเทคนิคการเจรจาที่สร้างความประทับใจให้กับบริษัทใหม่ และข้อผิดพลาดที่คุณไม่ควรกระทำ เพื่อให้คุณได้แพ็กเกจที่คุ้มค่ากับความสามารถได้อย่างมั่นใจและชาญฉลาด
เทรนด์ค่าตอบแทนและสวัสดิการในปี 2026
สำหรับเทรนด์ค่าตอบแทนและสวัสดิการในปี 2026 นั้นมีการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจหลายอย่าง ซึ่งทำให้องค์กรและพนักงานมองหาความสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวมากขึ้น
1. เงินเดือนยังคงปรับขึ้น แต่แข่งขันสูงขึ้น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เช่น ดิจิทัล, พลังงานสะอาด, โลจิสติกส์, เซมิคอนดักเตอร์, การแพทย์และสุขภาพ มีแนวโน้มเสนอเงินเดือนสูงกว่าตลาด ในขณะเดียวกันการแข่งขันในตำแหน่งยอดนิยม เช่น Data Analyst, Digital Marketing, Software Engineer ทำให้ผู้สมัครต้องมีพอร์ตและประสบการณ์จริง เพื่อสร้างความแตกต่าง
2. สวัสดิการไม่ใช่แค่ “เสริม” แต่เป็น “ตัวตัดสินใจ” พนักงานยุคใหม่ โดยเฉพาะ Gen Z และ Millennials ให้ความสำคัญกับสิทธิประโยชน์มากกว่าแค่ตัวเลขเงินเดือน เช่น
Work-life balance และรูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่นมากขึ้น เช่น Hybrid / Remote work เป็นต้น
สวัสดิการ ประกันสุขภาพ / Mental health support / Wellness benefits (Fitness, Wellness leave, วันลาพิเศษ)
ส่งเสริมการเรียนรู้หรือฝึกอบรมTraining budget / Upskilling courses
3. Pay Transparency เริ่มกลายเป็นมาตรฐาน หลายบริษัทเริ่มเปิดเผยช่วงเงินเดือนในประกาศรับสมัครงาน เพื่อสร้างความโปร่งใสและดึงดูดผู้สมัครที่ตรงกลุ่ม ทำให้ผู้สมัครมี ข้อมูลอ้างอิงที่ชัดเจน ในการเจรจา
Cr. Cathcarttechnology , Thestandard
เงินเดือนและสวัสดิการ: เจรจาอย่างไรให้ได้มากกว่าที่คิด
ทำไมการเจรจาจึงสำคัญ
การเจรจาเงินเดือนและสวัสดิการเป็นขั้นตอนสำคัญที่ส่งผลต่อทั้งรายได้ระยะยาวและความพึงพอใจในการทำงาน เพราะเป็นการกำหนด “มูลค่า” ของตัวคุณในสายตาบริษัท การพูดคุยอย่างมืออาชีพไม่เพียงช่วยให้คุณได้ค่าตอบแทนที่เหมาะสม แต่ยังสร้างความมั่นใจและภาพลักษณ์ที่ดีในฐานะคนทำงานที่รู้จักคุณค่าของตนเองอีกด้วย
• ถ้าเจรจาไม่เป็นอาจพลาดโอกาสได้เงินเดือนที่สูงขึ้น 10–20% จากที่ตั้งใจ
• การต่อรองสวัสดิการ เช่น วันลาพิเศษ, เวลาการทำงานยืดหยุ่น, หรือการสนับสนุนด้านการศึกษา สามารถเพิ่ม “มูลค่า” โดยรวมได้หลายหมื่นบาทต่อปี
• การเจรจาที่ดีแสดงถึง ความมั่นใจและความเป็นมืออาชีพ ของผู้สมัคร
การเตรียมตัวก่อนการเจรจา
1. ศึกษาข้อมูลเงินเดือนในตลาด ใช้เว็บไซต์หางาน, รายงานเงินเดือนประจำปีของบริษัทจัดหางานต่างๆ (เช่น Michael Page, Robert Walters, Adecco, Personnel Consultant) แล้วนำมาเปรียบเทียบช่วงเงินเดือนในตำแหน่งเดียวกัน และปัจจัยที่ต้องพิจารณา เช่น อุตสาหกรรม, ขนาดบริษัท, ระดับตำแหน่ง, ประสบการณ์, และทักษะพิเศษ โดยอาจทำตารางเปรียบเทียบ (Expected Salary vs Market Rate)เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น
2. ประเมินคุณค่าของตัวเอง อาจจะถามตัวเองว่า
• คุณมีทักษะเฉพาะทาง (Hard Skills) ที่ตลาดกำลังขาดหรือต้องการไม่? รวมถึง Soft Skills ที่โดดเด่นของคุณ
• คุณมีผลงานชัดเจนให้เห็นเป็นรูปธรรม (ตัวเลข, เปอร์เซ็นต์) ให้บริษัทเก่าหรือไม่? เช่น “ลดค่าใช้จ่าย 15%” “เพิ่มยอดขาย 20%”
• คุณมีภาษาที่สองหรือสาม (เช่น ญี่ปุ่น จีน) ที่เป็น Rare Skill หรือไม่?
3. ตั้งช่วงเงินเดือน ไม่ใช่ตัวเลขเดียว ให้ตั้งช่วงเงินเดือนที่ยอมรับได้ (Min-Max) จะช่วยให้การเจรจามีความยืดหยุ่นและเปิดโอกาสให้บริษัทเสนอข้อเสนออื่นๆ ได้ เช่น โบนัส, WFH, หรืองบ Training เป็นต้น นอกจากเงินเดือนแล้ว ให้จัดลำดับความสำคัญของสวัสดิการ (เช่น โบนัส, วันลา, ประกันสุขภาพ, ค่าเดินทาง, สิทธิพิเศษอื่นๆ)
ตัวอย่าง: ถ้าคุณตั้งใจได้ 60,000 บาท ให้ตั้งช่วงไว้ที่ 58,000–65,000 บาท
4. เตรียมแผนสำรอง ถ้าบริษัทไม่สามารถให้เงินเดือนตามที่ต้องการ คุณยอมรับข้อเสนอแบบอื่นได้ไหม เช่น โบนัสประจำปี, วันลาพิเศษ, งบเรียนภาษา, หุ้นพนักงาน ดังนั้นการมี Plan B ทำให้คุณไม่เสียโอกาส
เทคนิคการเจรจาเงินเดือน “การสื่อสารคืออาวุธที่ทรงพลัง”
1.เลือกเวลาที่เหมาะสม รอให้ถูกจังหวะ ต้องรู้เมื่อไหร่ที่ควรเริ่มคุย อย่ารีบพูดเรื่องเงินเดือนในช่วงแรกของการสัมภาษณ์ เว้นแต่ HR เป็นฝ่ายถาม ให้รอจนกว่าบริษัทแสดงความสนใจในตัวคุณอย่างจริงจัง
2.ใช้ภาษาเชิงบวกและเป็นมืออาชีพ สร้างความประทับใจตั้งแต่ต้น เน้นย้ำว่าคุณจะสร้างประโยชน์อะไรให้กับบริษัท ไม่ใช่แค่ต้องการเงินเดือนที่สูงขึ้น แสดงให้เห็นว่าคุณต้องการร่วมงานกับบริษัทจริงๆ และมองหาความสัมพันธ์ที่ Win-Win รวมถึงการรักษามารยาท หลีกเลี่ยงการเปรียบเทียบเชิงลบกับบริษัทเก่า และใช้โทนสุภาพ แม้จะเป็นการต่อรอง
เช่น แทนที่จะพูดว่า “ผมต้องการอย่างน้อย 70,000 บาท” ลองพูดว่า “จากข้อมูลตลาดและประสบการณ์ของผม ผมมองว่าช่วงเงินเดือนที่เหมาะสมคือ 65,000–75,000 บาทครับ”
3.การเจรจาขั้นสุดท้ายเมื่อได้รับข้อเสนอ (Offer) หากข้อเสนอต่ำกว่าที่คาดหวัง ให้แสดงความขอบคุณก่อน จากนั้นค่อยๆ เจรจาอย่างสุภาพ โดยอ้างอิงจากความสามารถและคุณค่าที่คุณจะนำมาสู่องค์กร หรือยื่นข้อเสนอที่น่าสนใจอื่นๆ หากบริษัทไม่สามารถเพิ่มเงินเดือนได้ ลองเจรจาต่อรองในส่วนของสวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์อื่นๆ แทน เช่น โบนัส, วันหยุด, Work-from-home policy
ตัวอย่างประโยคการเจรจาต่อรองเงินเดือน
• “จากการสำรวจตลาด ผม/ดิฉัน เห็นว่าตำแหน่งนี้ในอุตสาหกรรมเดียวกันมีช่วงเงินเดือนอยู่ที่ 55,000–65,000 บาท และด้วยประสบการณ์ของผม/ดิฉัน ผม/ดิฉันจึงคิดว่าช่วงนี้เหมาะสมครับ/ค่ะ”
• “ถ้าไม่สามารถปรับเงินเดือนได้ตามที่พูดคุยกัน ดิฉันอยากสอบถามว่าสามารถเพิ่มเติมในส่วนของ Training หรือ Bonus ได้หรือไม่ค่ะ”
• “สิ่งที่ผม/ดิฉัน ให้ความสำคัญคือ ทั้งค่าตอบแทนและการพัฒนาทักษะ ผมอยากมั่นใจว่างานนี้ช่วยให้ผม/ดิฉัน เติบโตได้ในระยะยาวครับ/ค่ะ”
ข้อผิดพลาดที่ควรหลีกเลี่ยงและควรระวัง
1.อย่าโกหกเงินเดือนปัจจุบันเด็ดขาด เนื่องจากข้อมูลนี้บริษัทสามารถตรวจสอบได้และสิ่งนี้จะทำให้คุณเสียความน่าเชื่อถือทันที รวมถึงอย่าเรียกเงินเดือนสูงเกินความเป็นจริง เพราะอาจถูกมองว่าไม่เข้าใจตลาด
2.อย่าใช้ข้อเสนอจากบริษัทอื่นเป็นเครื่องมือ(ต่อรอง) แนะนำให้นำมาใช้เป็นเพียงตัวอย่างในการเปรียบเทียบเท่านั้น
3.อย่ามองข้ามสวัสดิการ ไม่ว่าจะเป็นประกันชีวิต, ประกันสุขภาพ, วันลาพักร้อน, โบนัส, และสิทธิประโยชน์อื่นๆ มีมูลค่าไม่ต่างจากเงินสด รวมถึง เรื่องวัฒนธรรมองค์กรและโอกาสการเติบโตระยะยาว ไม่ใช่แค่แพ็กเกจเริ่มต้น
4.อย่ารับข้อเสนอทันที ควรขอเวลาคิดทบทวน 1–2 วัน เพื่อพิจารณาข้อเสนอทั้งหมดอย่างรอบคอบ
การเปลี่ยนงานในปี 2026 จะไม่ใช่แค่เรื่อง “ได้เงินเดือนเพิ่ม” อีกต่อไป แต่คือการมองหา ความสมดุลระหว่างค่าตอบแทน สวัสดิการ และการเติบโตในอาชีพ การเจรจาที่ดีไม่ใช่การเอาชนะหรือการต่อสู้ แต่เป็นการสื่อสารเพื่อหาข้อตกลงที่ทำให้ทั้งคุณและบริษัทได้ประโยชน์เพื่อหาจุดที่ลงตัว การเตรียมตัวที่ดีการศึกษาตลาดและมีทักษะการสื่อสารจะทำให้คุณมีความมั่นใจและพร้อมที่จะเจรจา ดังนั้น เปลี่ยนงานให้รุ่งไม่ใช่แค่ได้เงินเดือนสูงขึ้น แต่คือการได้ทำงานที่ใช่ในที่ที่ให้คุณค่ากับคุณอย่างแท้จริง
บริษัทจัดหางาน เพอร์ซันแนล คอนซัลแตนท์ฯ เราเป็นบริษัทจัดหางานญี่ปุ่นในกรุงเทพ ให้บริการจัดหางานและสรรหาบุคลากรที่มีความสามารถทั้งชาวไทยและญี่ปุ่นมาเป็นเวลากว่า 30 ปี ท่านที่สนใจหางาน อยากทำงานบริษัทญี่ปุ่น ไทยและต่างชาติ ลงทะเบียนสมัครงานกับเพอร์ซันแนลฯ ฟรี!! ไม่มีค่าใช้จ่าย
ต้องการฝากประวัติ Click
สอบถามโทร 02-2608454 หรือส่งเรซูเม่ (ภาษาอังกฤษ) jobs@personnelconsultant.co.th
Contact & Follow Us