ตลาดแรงงานไทย ปี 2568 : โอกาส ความท้าทาย การปรับตัวขององค์กรและบัณฑิตจบใหม่
ตลาดแรงงานไทย ปี 2568 : โอกาส ความท้าทาย การปรับตัวขององค์กรและบัณฑิตจบใหม่
ในปี 2568 ตลาดแรงงานไทยยังคงเผชิญการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วจากทั้งปัจจัยเศรษฐกิจโลก เทคโนโลยี และโครงสร้างการจ้างงานที่เปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่อง ไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ นับเป็นช่วงเวลาที่หลายบริษัทเริ่มปรับกลยุทธ์การบริหารบุคลากรให้สอดคล้องกับสภาพธุรกิจและการแข่งขัน ขณะเดียวกัน บัณฑิตจบใหม่กว่า 2.15 แสนคน* (ตัวเลขคาดการณ์จากผู้จบการศึกษาปี 2567) ที่เข้าสู่ตลาดแรงงาน กำลังเผชิญทั้งโอกาสและความท้าทายที่แตกต่างจากรุ่นก่อนหน้า บทความนี้จะพาไปสำรวจ ภาพรวมการจ้างงานบัณฑิตปี 2568 พร้อมทั้งเจาะลึก แนวโน้มการจ้างงานที่เปลี่ยนไป และสิ่งที่องค์กรกับแรงงานรุ่นใหม่ควรเตรียมตัวเพื่อไม่ให้ตกขบวนการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้
ภาพรวมการจ้างงานเด็กจบใหม่ปี 2568 : โอกาสและความท้าทาย
ตามการประเมินในปี 2568 ประเทศไทยจะมีเด็กจบใหม่และบัณฑิตระดับปริญญาตรีเข้าสู่ตลาดแรงงาน ประมาณ 215,000 คน* (ตัวเลขจากคาดการณ์จากผู้จบการศึกษาปี 2567) ตัวเลขนี้ยังคงสะท้อนให้เห็นว่า “แรงงานจบใหม่” เป็นกลุ่มใหญ่ที่องค์กรจับตามอง แต่การเข้าสู่ตลาดไม่ได้ง่ายเหมือนเดิมอีกต่อไป เนื่องจาก
1.1 การแข่งขันสูงขึ้น ไม่เพียงแต่แข่งกับเพื่อนร่วมรุ่น แต่ยังต้องแข่งกับแรงงานที่มีประสบการณ์ซึ่งหันมาสมัครงานในตำแหน่งเริ่มต้น เพื่อหาความมั่นคงหรือเปลี่ยนสายอาชีพ
1.2 ช่องว่างทักษะ (Skill Gap) หลายบริษัทพบว่า บัณฑิตจบใหม่ยังขาดทักษะที่จำเป็นต่อการทำงานจริง โดยเฉพาะ Digital Skills, Data Analytics, ภาษาอังกฤษ, และ Soft Skills ด้านการสื่อสาร
1.3 การปรับตัวต่อรูปแบบการทำงานใหม่ Hybrid Work และ Remote Work ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญ บริษัทคาดหวังว่าบัณฑิตรุ่นใหม่ต้องมี ความรับผิดชอบต่องานสูง และ บริหารตนเองได้ แม้จะไม่ได้ทำงานในออฟฟิศเต็มเวลา
นอกจากนี้ จากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า อัตราการว่างงานสูงสุดของไทยอยู่ในกลุ่มคนอายุ 15–24 ปี (5.89%) ซึ่งคือกลุ่มวัยเรียนและวัยเริ่มทำงาน ซึ่งรวมถึงนักศึกษาจบใหม่ที่กำลังหางาน ชี้ให้เห็นว่าจำนวนบัณฑิตที่ผลิตออกมาสูงกว่าตลาดแรงงานที่รองรับได้ หรืออาจเกิดจากความไม่สอดคล้องของสาขาวิชากับความต้องการของตลาด (Skill Mismatch) บัณฑิตจบใหม่คือกลุ่มที่เสี่ยงตกงานมากที่สุด เนื่องจากขาดประสบการณ์จริง แข่งขันกับเพื่อนร่วมรุ่นจำนวนมาก และหลายสาขาเรียนไม่ตรงกับงานที่มีตำแหน่งว่าง นอกจากนี้การว่างงานของบัณฑิตยังสะท้อนว่าระบบการศึกษายังไม่เชื่อมกับตลาดแรงงานเพียงพอ บริษัทจำนวนมากต้องการ “ทักษะพร้อมใช้” (Work-ready skills) เช่น Digital skills, Communication, Problem-solving แต่บัณฑิตอาจยังไม่ตอบโจทย์ การแก้ปัญหานี้ควรเน้น การฝึกงานจริง (Internship), การ Upskill/Reskill, และการแนะแนวอาชีพตั้งแต่ในมหาวิทยาลัย ดังนั้น บัณฑิตจบใหม่เผชิญความท้าทายในการเข้าสู่ตลาดแรงงานมากที่สุด ทั้งจากการแข่งขันสูง การขาดทักษะที่ตลาดต้องการ และความไม่สมดุลระหว่างอุปทานแรงงานกับอุปสงค์ของตลาด
โอกาสที่เปิดกว้างสำหรับบัณฑิต แม้จะมีความท้าทายแต่โอกาสก็ยังคงมี โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ได้แก่
• ดิจิทัล เทคโนโลยี และ AI : ตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับ Data, Cybersecurity, และ AI Engineer กำลังเป็นที่ต้องการสูง
• โลจิสติกส์และอีคอมเมิร์ซ : ความต้องการบุคลากรด้าน Supply Chain, E-commerce Operation และ Digital Marketing ยังคงขยายตัว
• พลังงานและสิ่งแวดล้อม: บัณฑิตที่มีพื้นฐานด้านวิศวกรรม สิ่งแวดล้อม และพลังงานสะอาด กำลังได้รับความสนใจมากขึ้น
• บริการสุขภาพและ Well-being : ทั้งบุคลากรทางการแพทย์ พยาบาล นักโภชนาการ รวมถึงงานบริการด้านสุขภาพจิตมีแนวโน้มเติบโต
กล่าวได้ว่า แม้การแข่งขันสูงแต่ผู้ที่พร้อมปรับตัวและมีทักษะตรงกับความต้องการใหม่ ๆ ยังคงมีโอกาสมากมายในตลาดแรงงานไทยปีนี้
ที่มา : กองเศรษฐกิจการแรงงาน กระทรวงแรงงาน
แนวโน้มการจ้างงานที่เปลี่ยนไป
การลดจ้างพนักงานประจำบางสายงาน องค์กรจำนวนไม่น้อยเริ่มปรับกลยุทธ์เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มความยืดหยุ่น โดยเฉพาะในสายงานที่ ระบบอัตโนมัติและเทคโนโลยีสามารถเข้ามาทดแทนได้ เช่น
• บัญชี (Accounting): โปรแกรมและซอฟต์แวร์ AI สามารถจัดทำบัญชีขั้นพื้นฐานได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว
• ทรัพยากรบุคคล (HR): งานด้านเอกสารและงานประจำ เช่น การคัดกรองเรซูเม่หรือประมวลผลเงินเดือน เริ่มถูกแทนที่ด้วย HR Technology
• การผลิต (Manufacturing): โรงงานจำนวนมากลงทุนในระบบ Automation และ Robot ทำให้ลดความจำเป็นในการจ้างแรงงานประจำบางตำแหน่ง
ผลที่ตามมาคือ บริษัทต่าง ๆ เริ่มชะลอการรับ พนักงานประจำ ในสายงานเหล่านี้ และหันไปเน้นการจ้างงานในรูปแบบใหม่แทน
การเพิ่มการจ้างงานพาร์ทไทม์และสัญญาจ้าง
ในทางกลับกัน พาร์ทไทม์และสัญญาจ้าง กลับได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากตอบโจทย์ทั้งบริษัทและแรงงาน โดยเฉพาะใน ธุรกิจบริการ ค้าปลีก อีคอมเมิร์ซ และงานดิจิทัล การจ้างงานลักษณะนี้กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง
มุมมององค์กร:
• ลดต้นทุนการจ้างงานระยะยาว
• สามารถปรับจำนวนบุคลากรตามปริมาณงาน
• ได้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านมาช่วยในโปรเจกต์สำคัญโดยไม่ต้องจ้างถาวร
มุมมองแรงงาน:
• ได้ประสบการณ์ที่หลากหลาย
• มีโอกาสทดลองงานหลายสายเพื่อค้นหาความถนัด
• ได้รับค่าตอบแทนตามผลงานจริง และบางครั้งสูงกว่าพนักงานประจำ
องค์กรต้องการ “ความยืดหยุ่น” มากขึ้น การปรับรูปแบบการจ้างงานสะท้อนให้เห็นว่า ตลาดแรงงานไทยกำลังเข้าสู่ยุค Flexibility First องค์กรไม่ได้มองหาพนักงานที่อยู่กับบริษัทไปตลอดชีวิตเหมือนเดิม แต่เน้นการหาคนที่สามารถสร้างคุณค่าได้ในช่วงเวลาที่ต้องการ ซึ่งเป็นแนวโน้มที่บัณฑิตจบใหม่และแรงงานทุกกลุ่มต้องปรับตัวให้ทัน
สิ่งสำคัญที่องค์กรและบัณฑิตจบใหม่ควรคำนึงถึง
บัณฑิต/เด็กจบใหม่ควรเตรียมตัว
• พัฒนาทักษะเสริม (Upskill/Reskill) ควรเรียนรู้เพิ่มเติมนอกเหนือจากสาขาที่เรียนมา เช่น Digital Marketing, Data Analytics, หรือภาษาเพิ่มเติมเพื่อรักษา “ความเป็นที่ต้องการ” ขององค์กรโดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยีเปลี่ยนเร็ว
• สร้างประสบการณ์ผ่านการฝึกงาน/งานสัญญาจ้าง แม้ไม่ใช่งานประจำ แต่สามารถช่วยเพิ่ม Portfolio และทำให้โดดเด่นกว่าคู่แข่ง
• พัฒนาทักษะ Soft Skills เช่น การสื่อสาร การทำงานเป็นทีม ความสามารถในการแก้ปัญหา ซึ่งองค์กรให้ความสำคัญมากกว่าที่คิด
• ปรับตัวสู่การทำงานที่ยืดหยุ่น ต้องพร้อมทั้งงานประจำ งานสัญญาจ้าง หรือการทำงานแบบ Hybrid/Remote
สิ่งที่องค์กรควรคำนึงถึง
• ออกแบบรูปแบบจ้างงานแบบผสม / ยืดหยุ่น ให้องค์กรสามารถใช้พนักงานแบบผสม (hybrid) งานสัญญา งานพาร์ทไทม์ เพื่อปรับตัวตามสภาพธุรกิจทันที
• การสื่อสารแบรนด์นายจ้าง (Employer Branding) โดยเฉพาะในกลุ่มจบใหม่ ให้ภาพลักษณ์ว่าบริษัทรับคนรุ่นใหม่ เปิดโอกาสเรียนรู้ มีความยืดหยุ่น และเพื่อดึงดูดคนเก่งในยุคที่แรงงานมีทางเลือกหลากหลาย
• ลงทุนในเทคโนโลยี HR Tech ใช้ระบบดิจิทัลช่วยบริหารจัดการบุคลากรให้ยืดหยุ่น
• ออกแบบระบบสวัสดิการและค่าตอบแทนที่เป็นธรรม โดยเฉพาะกับแรงงานสัญญาจ้างหรือพาร์ทไทม์ เพื่อดึงดูดและรักษาคนเก่งไม่ให้เขาย้ายไปยังบริษัทที่ให้สวัสดิการดีกว่า
• สนับสนุนการพัฒนาทักษะของพนักงาน ให้การฝึกอบรม / Upskill อย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นการอบรมภายในหรือสนับสนุนคอร์สเรียนออนไลน์
คาดการณ์ไตรมาส3 จุดเปลี่ยนสำหรับตลาดแรงงานไทย
ตลาดแรงงานไทยในปี 2568 เป็นภาพสะท้อนของโลกการทำงานยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง โดยตลาดแรงงานในไตรมาส 3 นี้น่าจะยังแสดงความแข็งแรงในแง่ อัตรว่างงานต่ำ (0.96 %) และ แรงงานรวมเติบโต แม้จะชะลอลง แต่ “โอกาส” และ “การแข่งขัน” จะยิ่งรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มบัณฑิตจบใหม่ที่ไม่มีจุดเด่นและประสบการณ์ทำงาน องค์กรหลายแห่งอาจปรับลดการจ้างถาวร/จ้างงานประจำในบางสายงาน และหันมาจ้างงานพาร์ทไทม์ สัญญาจ้าง และมองหาคนที่มีทักษะเฉพาะทางมากขึ้น ดังนั้นผู้จบใหม่ที่มีพื้นฐานในสายเทคโนโลยี และยืดหยุ่นในการรับงานหลายรูปแบบ มีโอกาสสูงกว่าคนที่รอ “งานประจำอย่างเดียว” แต่สิ่งที่สำคัญคือ “การเตรียมความพร้อมในการเปลี่ยนแปลง” ทั้งฝั่งองค์กรและบุคลากร ต้องพร้อมเรียนรู้ ปรับตัวและออกแบบกลยุทธ์ให้สอดรับกับสภาพตลาดจริง
Cr.
กระทรวงแรงงาน กองพัฒนาข้อมูลและตัวชี้วัดสังคม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คมชัดลึก, JobsDB
บริษัทจัดหางาน เพอร์ซันแนล คอนซัลแตนท์ฯ เราเป็นบริษัทจัดหางานญี่ปุ่นในกรุงเทพ ให้บริการจัดหางานและสรรหาบุคลากรที่มีความสามารถทั้งชาวไทยและญี่ปุ่นมาเป็นเวลากว่า 30 ปี ท่านที่สนใจหางาน อยากทำงานบริษัทญี่ปุ่น ไทยและต่างชาติ ลงทะเบียนสมัครงานกับเพอร์ซันแนลฯ ฟรี!! ไม่มีค่าใช้จ่าย
ต้องการฝากประวัติ https://www.personnelconsultant.co.th/jobseeker/register_jobseeker/
สอบถามโทร 02-2608454 หรือส่งเรซูเม่ (ภาษาอังกฤษ) jobs@personnelconsultant.co.th
Contact & Follow Us