2025.11.28การทำงานในญี่ปุ่น

คาโกชิมะ (Kagoshima) จังหวัดปลายแผนที่ญี่ปุ่นบนเกาะคิวชูที่คุณอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อ

เมืองปลายเกาะคิวชูที่คนไทยยังไม่ค่อยรู้จัก

ขอบคุณรูปภาพจาก Kagoshima Prefecture

ถ้าพูดถึงทางใต้ของประเทศญี่ปุ่น เชื่อว่าผู้อ่านทุกท่านคงนึกถึงจังหวัดโอกินาว่า หรือหากเป็นเกาะคิวชู ก็คงหนีไม่พ้นฟุกุโอกะหรือคุมาโมโตะ แต่อีกมุมหนึ่งของเกาะคิวชู ยังมีจังหวัดเล็ก ๆ ที่มีทั้งธรรมชาติอันสวยงาม วิถีชีวิตที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และยังรอนักท่องเที่ยวเข้าไปทำความรู้จัก ที่นั่นก็คือ “คาโกชิมะ” จังหวัดปลายแผนที่ที่ถ้าใครได้ลองไปแล้วจะต้องหลงเสน่ห์โดยไม่รู้ตัว ตัวผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ทั้งที่ก่อนจะได้มีโอกาสมาเรียนแลกเปลี่ยนที่คาโกชิมะ แทบไม่เคยได้ยินชื่อจังหวัดนี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ

วิถีชีวิตที่มีเอกลักษณ์ใต้เงาภูเขาไฟซากุระจิมะ

ที่มา รูปภาพจากผู้เขียนคอลัมน์

วิวที่ชาวเมืองคาโกชิมะจะได้เห็นตั้งแต่ตื่นนอนไปจนถึงก่อนเข้านอน ก็คือภูเขาไฟ “ซากุระจิมะ” นั่นเอง

จังหวัดคาโกชิมะถูกแบ่งออกเป็นสองฝั่ง ประกอบด้วย “คาบสมุทรซัทสึมะ” ทางด้านซ้าย และ “คาบสมุทรโอซูมิ” ทางด้านขวา โดยมีภูเขาไฟซากุระจิมะตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลางระหว่างสองคาบสมุทรนี้ ทำให้ไม่ว่าท่านจะอยู่ส่วนไหนของจังหวัด ยอดภูเขาไฟที่สูงเด่นลูกนี้ก็เปรียบเสมือนเงาของใครสักคนที่คอยคุ้มครองเราอยู่ข้างหลังเสมอ

สำหรับที่มาของชื่อภูเขาไฟที่มีชื่อดอกไม้ประจำชาติของญี่ปุ่นเป็นส่วนประกอบนั้น ว่ากันว่ามีหลายทฤษฎีถูกเล่าขานกันไปจนไม่สามารถระบุได้แน่ชัด หนึ่งในนั้นเล่าว่า เมื่อครั้งเกิดการปะทุครั้งใหญ่ในอดีต ลาวาที่พุ่งสูงขึ้นไปบนท้องฟ้ามีลักษณะคล้ายต้นซากุระที่กำลังบานสะพรั่ง จึงถูกขนานนามว่า “ซากุระจิมะ” (เกาะซากูระ) นับแต่นั้นเป็นต้นมา

ถ้าลองค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับจังหวัดคาโกชิมะ สิ่งที่จะขึ้นมาเป็นอันดับต้น ๆ มักจะเป็นข่าวการปะทุของภูเขาไฟซากุระจิมะ จนทำให้หลายคนอาจจินตนาการไปว่าที่นี่ดูน่ากลัวและอันตรายกว่าความเป็นจริง แต่สำหรับคนคาโกชิมะแล้ว การปะทุของซากุระจิมะไม่ใช่เรื่องที่ต้องวิตกกังวลมากนัก เพราะนอกจากทางจังหวัดจะมีระบบแจ้งเตือนล่วงหน้าแล้ว ยังมีเชลเตอร์สำหรับหลบภัย และอุปกรณ์ป้องกันสำหรับประชาชนที่อาศัยอยู่รอบภูเขาไฟอีกด้วย

ชาวเมืองยังสามารถเช็กทิศทางการเคลื่อนตัวของขี้เถ้าภูเขาไฟผ่านเว็บไซต์ เพื่อเตรียมตัวสำหรับการตากผ้าในแต่ละวันได้เช่นกัน นี่จึงเป็นหนึ่งในรายละเอียดของวิถีชีวิตที่ทั้งแปลกประหลาดและน่าสนใจในเวลาเดียวกันของชาวเมืองคาโกชิมะ

แหล่งอ้างอิง 1: 地名の由来桜島
แหล่งอ้างอิง 2: 降灰予報(桜島)

จากความกลัวคำแรก สู่ความอร่อยที่หยุดไม่ได้ของโทริซาชิ บะซาชิ

ขอบคุณรูปภาพจาก 鹿児島のソウルフード「鳥刺し」

หนึ่งในวัฒนธรรมการกินที่ทำให้ผมตกใจที่สุดหลังจากมาถึงคาโกชิมะ คือเมนูเนื้อดิบต่าง ๆ ที่โผล่มาในแทบทุกร้านอิซากายะ ไม่ว่าจะเป็นโทริซาชิ และ บะซาชิ สำหรับคนที่เติบโตมากับคำเตือนว่า “เนื้อสัตว์ต้องกินเมื่อสุกแล้วเท่านั้น” อย่างผม เนื้อดิบที่ผมไว้ใจจะทาน ณ ตอนนั้นคงมีแค่ปลาดิบ หรือที่เรียกกันว่า ซาชิมิ เท่านั้น นั่นทำให้แค่เห็นคำว่า “ดิบ” อยู่ข้าง ๆ ชื่อเมนูผมก็รู้สึกกลัวไปก่อนจนไม่กล้าสั่งมาเพื่อแม้แต่ดูหน้าตาของมันเลยด้วยซ้ำ

เมนูแรกที่รุ่นพี่ที่อาศัยอยู่ในคาโกชิมะยื่นมาให้ลองคือ “โทริซาชิ” หรือไก่ดิบหั่นเป็นชิ้นบาง ๆ จัดเรียงมาอย่างสวยงามบนจาน พร้อมโชยุวางอยู่ข้าง ๆ ตอนนั้นในหัวเต็มไปด้วยคำถามว่า “กินได้จริงเหรอ” มากกว่าความอยากรู้อยากลอง แต่เพราะไม่อยากเสียมารยาท และลึก ๆ ก็อยากรู้ว่ารสชาติจะต่างจากที่คิดแค่ไหน สุดท้ายก็จิ้มไก่ดิบชิ้นเล็ก ๆ ลงในโชยุแล้วลองกัดดูอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ความรู้สึกแรกที่แปลกใจคือ กลิ่นไม่แรงอย่างที่คิด เนื้อไก่นุ่มลื่นและเย็น ตัดกับความเค็มอ่อน ๆ ของโชยุจนกลายเป็นรสชาติที่ไม่ได้แย่อย่างที่จินตนาการไว้เลย

ขอบคุณรูปภาพจาก 馬肉の旨みの特徴

ถัดจากไก่ดิบก็มาถึง “บะซาชิ” หรือเนื้อม้าดิบที่ชื่อฟังดูท้าทายกว่าขึ้นไปอีกขั้น แน่นอนว่าบะซาชินี้เองก็มาจากรุ่นพี่คนเดิม บะซาชิให้สัมผัสที่ต่างออกไปจากโทริซาชิ เนื้อแน่นกว่าเล็กน้อย มีความหวานตามธรรมชาติของเนื้อสัตว์แทรกอยู่ เมื่อกินคู่กับโชยุแล้วกลับกลมกล่อมอย่างประหลาด จนจากที่ตอนแรกคิดว่าจะชิมแค่คำเดียว รู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นว่าทานเป็นกับแกล้มกับโชจูของคาโกชิะได้อย่างลงตัว

จากวันที่ยังกลัวคำว่า “ดิบ” จนแทบไม่กล้าแตะจาน ไปจนถึงวันนี้ที่พอเปิดเมนูแล้วเผลอมองหาโทริซาชิและบะซาชิโดยอัตโนมัติ เมนูทั้งสองอย่างนี้ทำให้ผมได้รู้ว่า บางครั้งความอร่อยที่หยุดไม่ได้ ก็เริ่มต้นจากความกลัวคำแรกที่กล้าเอาชนะมันให้ได้เท่านั้นเอง

จากเบียร์เย็น ๆ สู่โชจูผสมน้ำร้อนแบบฉบับคาโกชิมะ

ที่มา รูปภาพจากผู้เขียนคอลัมน์

ถ้าพูดถึงวัฒนธรรมการดื่มแบบญี่ปุ่น ภาพที่หลายคนคงนึกถึงเป็นอันดับแรก ๆ คือเบียร์เย็น ๆ หรือสาเกที่เสิร์ฟมาในขวดเล็ก ๆ แต่พอผมมาอยู่คาโกชิมะได้ไม่นาน ก็ได้รู้ว่าพระเอกตัวจริงบนโต๊ะกินดื่มของคนที่นี่กลับไม่ใช่ทั้งเบียร์หรือสาเก แต่คือ “โชจู” ในแก้วเล็ก ๆ ธรรมดา ๆ นี่เอง

เวลาพูดคำว่า “โชจู” หลายคนอาจนึกถึงโชจูเกาหลี ที่มีลักษณะสีใสใส่อยู่ในขวดสีเขียว แต่โชจูคาโกชิมะ คือเหล้าที่ทำจาก “ซัทสึมะอิโมะ” หรือมันหวานท้องถิ่นของจังหวัดนี้เอง โชจูที่ทำจากซัทสึมะอิโมะ หรือมันหวานท้องถิ่นของจังหวัดคาโกชิมะ เป็นเหล้ากลั่นที่ใช้มันหวานเป็นวัตถุดิบหลัก รสเข้ม กลิ่นหอมเฉพาะตัว และผูกพันกับดินแดนซัทสึมะ (ชื่อเก่าของคาโกชิมะ) มาตั้งแต่สมัยเอโดะ

เดิมทีโชจูในแถบนี้ทำจากข้าวหรือธัญพืชอื่น ๆ มาก่อน จนกระทั่งช่วงต้นทศวรรษ 1700 ที่มันหวานถูกนำเข้ามาสู่แถบคิวชู ผ่านเส้นทางการค้ากับอาณาจักรริวกิว (โอกินาวะในปัจจุบัน) แล้วมาปลูกอย่างจริงจังในซัทสึมะ เพราะดินภูเขาไฟที่แห้งและมีเศษเถ้าถ่านมาก ปลูกข้าวไม่ค่อยขึ้น แต่มันหวานกลับเติบโตได้ดี รัฐซัทสึมะจึงส่งเสริมให้ชาวบ้านปลูกมันหวานเป็นอาหารหลัก และในที่สุดก็ถูกนำมาหมักกลั่นเป็นโชจูสูตรของพื้นที่ตัวเอง กลายเป็น โชจูซัทสึมะอิโมะ อย่างที่รู้จักกันในปัจจุบัน เสน่ห์อย่างหนึ่งของโชจูในคาโกชิมะคือ คนที่นี่ไม่ได้ดื่มกันแค่แบบเย็นเท่านั้น แต่ยังนิยมดื่มแบบ “โอยุวาริ (oyuwari)” หรือการผสมกับน้ำร้อน โดยเฉพาะช่วงหน้าหนาวที่อากาศเย็นจัด

ตอนที่ผมไปเรียนแลกเปลี่ยนที่คาโกชิมะเป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงใกล้ฤดูหนาว รุ่นพี่คนเดิมที่เคยชวนผมกินโทริซาชิก็หยิบแก้วใบหนึ่งส่งมาให้ คราวนี้ผมรู้แล้วว่าในแก้วคือโชจู แต่ก็ยังไม่เคยได้ลองชิมมาก่อน ที่น่าแปลกใจคือโชจูในแก้วนั้นถูกผสมมากับน้ำร้อน กลายเป็น โชจูโอยุวาริ แก้วแรกในชีวิตของผม กลิ่นที่ลอยขึ้นมาจากแก้วเต็มไปด้วยกลิ่นมันหวานอ่อน ๆ ของซัทสึมะอิโมะ รสชาติอุ่นนุ่มที่ยากจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้หมด กลับทำให้ผมรู้สึกทั้งผ่อนคลายและอบอุ่น เหมือนร่างกายกำลังถูกเตรียมไว้ให้พร้อมสำหรับฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึง

แหล่งที่มา What is SHOCHU

พอมองย้อนกลับไป ตั้งแต่ภูเขาไฟซากุระจิมะ อาหารอย่างโทริซาชิ บะซาชิ ไปจนถึงโชจูซัทสึมะอิโมะ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นชิ้นส่วนเล็ก ๆ ที่ประกอบกันขึ้นมาเป็นภาพของคาโกชิมะในแบบที่ผมได้สัมผัส ไม่ได้ยิ่งใหญ่อลังการเหมือนเมืองท่องเที่ยวชื่อดัง แต่กลับมีเสน่ห์ละเอียดอ่อนที่ค่อย ๆ ซึมเข้ามาในชีวิตประจำวันโดยที่เราไม่รู้ตัว

สำหรับผม คาโกชิมะคงเป็นจังหวัดที่ถ้าเปิดแผนที่ดูก็ยังอยู่ปลายขอบเหมือนเดิม แต่ในความทรงจำกลับขยับเข้ามาอยู่ตรงกลางอย่างชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ และหวังว่าหลังจากผู้อ่านทุกท่านที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ คาโกชิมะของผู้อ่านก็คงจะไม่ใช่แค่ “จังหวัดที่ไม่เคยได้ยินชื่อ” อีกต่อไป แต่อาจกลายเป็นหนึ่งในจุดเล็ก ๆ บนแผนที่ญี่ปุ่น ที่วันหนึ่งคุณอยากจองตั๋วไปลองทำความรู้จักด้วยตัวเองดูสักครั้ง

ไทย นิปปอน ทีม พร้อมให้คำปรึกษาตั้งแต่ขั้นตอนสมัครงาน จนถึงบินไปทำงานญี่ปุ่นจริง ฟรี!

คลิกที่นี่ เพื่อติดตามข่าวสารอัพเดตงานญี่ปุ่นก่อนใคร !