โทชิงิ (Tochigi) เมืองมรดกโกล้โตเกียวที่ควรไปให้ได้สักครั้ง
ถ้าพูดถึงจังหวัด Tochigi หลาย ๆ คนอาจจะไม่คุ้นหูมากนัก แต่จริง ๆ แล้วเป็นจังหวัดที่อยู่ใกล้กับโตเกียวมาก และเป็นสถานที่น่าสนใจ ของกินเยอะ ที่เที่ยวธรรมชาติสวย และมีมรดกโลกที่สำคัญอีกด้วย วันนี้จึงอยากจะแนะนำที่เที่ยวให้เพื่อน ๆ มารู้จักจังหวัดนี้กันมากขึ้นค่ะ
Nikko Toshogu ศาลเจ้าโทโชกู

รูปภาพจากผู้เขียนบทความ
สถานที่แรกที่เราจะขอแนะนำคือ ศาลเจ้าโทโชกู (Nikko Toshogu ) เป็นหนึ่งในศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่น
ซึ่งสัญลักษณ์ประจำศาลเจ้าแห่งนี้ คือ ลิงสามตัว ที่ทำท่าปิดตา ปิดหู และปิดปาก ซึ่งสื่อถึงคำสอนอันโด่งดังว่า ไม่เห็นสิ่งไม่ดี ไม่ฟังสิ่งไม่ดี และไม่พูดสิ่งที่ไม่ดี คือต้องการจะอบรมสั่งสอนว่า ในวัยเยาว์ เด็กควรเลี่ยงการรับรู้หรือพูดในสิ่งไม่ดีเพื่อจะได้เติบโตขึ้น ด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์และยึดถือแต่สิ่งที่ดีงาม
ศาลเจ้าโทโชกูสร้างขึ้นเพื่อสักการะ โทกูงาวะ อิเอยาสุ โชกุนคนแรกแห่งสมัยเอโดะ ภายในบริเวณศาลเจ้า มีอาคารมากถึง 55 หลัง โดนในนั้นประกอบด้วย อาคารมรดกแห่งชาติ 8 หลัง และทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญ อีก 34 หลัง นับเป็นสถานที่สำคัญที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น
วิธีการเดินทาง
สำหรับการเดินทางจากโตเกียวไปยังศาลเจ้าโทโชกูนั้น สามารถทำได้สะดวกมาก โดยมีให้เลือกทั้งสาย Tobu Railway และ JR Line
– สาย Tobu Railway โดยนั่งรถด่วนพิเศษ Tobu Limited Express SPACIA หรือ SPACIA X ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 50 นาที จากสถานี Asakusa ไปลงที่ สถานี Tobu Nikko จากนั้นต่อรถบัสประมาณ 10-15นาที ก็จะถึงศาลเจ้าโทชูกู ซึ่งวิธีการเดินทางนี้เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่พักอยู่แถว Asakusa / Ueno
– สาย JR Line จากสถานี Tokyo / Ueno ไปที่ Utsunomiya แล้วต่อด้วย JR Nikko สามารถนั่ง Shinkansen Yamabiko หรือ Nasuno ไปลง Utsunomiya จากนั้นต่อรถไฟ JR Nikko Line ไป JR Nikko Stationรวมเวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที – 2 ชั่วโมง จากสถานี JR Nikko ต่อรถบัสไปศาลเจ้าประมาณ 10 นาที เหมาะสำหรับผู้ที่มี JR pass
จากสถานี Tobu-Nikko หรือ JR Nikko นั่งรถบัสสาย World Heritage Sightseeing Bus ลงป้าย Toshogu Shrine แล้วเดินอีกประมาณ 5 นาที ก็ถึงทางเข้า
เวลาเปิดทำการ 9:00 น. – 17:00 น. (เดือนเมษายน – เดือนตุลาคม) 9:00 น. – 16:00 น. (เดือนพฤศจิกายน – เดือนมีนาคม) ※ปิดรับ 30 นาทีก่อนเริ่มรอบต่อไป
ค่าเข้าชม ศาลเจ้าเพียงอย่างเดียว: 1,600 เยน / พิพิธภัณฑ์ (Treasure Museum) แยก : 1,000 เยน
บัตรรวม (ศาลเจ้า + พิพิธภัณฑ์) : 2,400 เยน
สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ visit tochigi
Shinkyo bridge สะพานชินเคียว

รูปภาพจากผู้เขียนบทความ
อีกหนึ่งแลนมาร์คประจำเมืองนิกโก้ นั้นก็คือสะพานชินเคียว ทุกคนที่เคยลองค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเมือง Nikko ตามอินเทอร์เน็ต คิดว่าต้องเคยเจอรูปนี้ขึ้นมาแน่นอน สะพานนี้ถือเป็นหนึ่งในสาม สะพานไม้ที่สวยสุดของญี่ปุ่นทีเดียว
มีตำนานเก่าแก่ตั้งปลายสมัยนารา เล่าว่ามีพระสงฆ์ชื่อ โชโดะ โชนิน (Shodo Shonin) ผู้บุกเบิกการพัฒนานิกโก้ในศตวรรษที่ 8 ต้องการจะข้ามแม่น้ำเพื่อเปิดเส้นทางขึ้นสู่ภูเขานิกโกะ แต่แม่น้ำซึ่งไหลเชี่ยวมากจนไม่สามารถข้ามได้ ท่านจึงขอพึ่งพาพระพุทธและเทพเจ้าให้คุ้มครอง ทันใดนั้น เทพจินจะโอว์ (Jinja-ō) ได้ปรากฏตัวและปล่อย งูยักษ์สองตัว ให้ทอดลำตัวเป็นสะพาน และบนแผ่นหลังของงูเหล่านั้นก็มีต้นหญ้า ยามาสุเกะ งอกขึ้น จนกลายเป็นสะพานให้ข้ามแม่น้ำได้สำเร็จ
ในประวัติศาสตร์มีการกล่าวว่า โชกุนโทกุงาวะ อิเอสึ ก็เคยข้ามสะพานนี้ แต่ผู้คนในยุคสมัยนั้นยังไม่ได้รับอนุญาติให้ข้ามสะพานนี้ ได้เฉพาะจักรพรรดิ, ผู้ส่งสารในราชสำนัก และโชกุน เท่านั้น แต่ปัจจุบันสะพานนี้สามารถเปิดให้คนทั่วไปสามารถข้ามไปถ่ายรูปชมวิวได้ แต่มีค่าเข้า 500 เยน แต่ถ้าหากถ่ายแค่วิวจากด้านนอกเหมือนรูปที่แนบด้านบน ก็ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ถ้าหากใครมาที่ช่วงใบไม้แดงในฤดูใบไม้ร่วง ก็จะได้สัมผัสถึงวิวสะพานที่ด้านหลังนั้นที่เต็มไปด้วยใบไม้แดงอันสวยงาม
การเดินทาง จากสถานี Tobu-Nikko หรือ JR Nikko นั่งรถบัสสาย World Heritage Sightseeing Bus ลงป้าย 「神橋(しんきょう)Shinkyo」รถคันเดียวกันที่มุ่งหน้าไป Nikko Toshogu
ค่าเข้าชม สำหรับการข้ามสะพาน : 300 เยน
ข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Japan guide
Edo WonderLand หมู่บ้านย้อนยุคที่พาย้อนเวลาสู่สมัยเอโดะ

รูปภาพจากผู้เขียน
Edo Wonderland คือหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของเมืองนิกโก้ จังหวัดโทชิกิ เพราะที่นี่ได้จำลอง “เมืองเอโดะ” ขึ้นมาอย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งบรรยากาศ อาคารบ้านเรือน ถนน พ่อค้า ชาวบ้าน รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ทุกคนที่แต่งกายตามยุคสมัย ทำให้รู้สึกเหมือนเราถูกพาย้อนเวลากลับไปหลายร้อยปีก่อนจริง ๆ เมื่อก้าวผ่านประตูหมู่บ้านเข้าไป ภาพตรงหน้าจะเปลี่ยนจากโลกปัจจุบันไปสู่ยุคซามูไรทันที ถนนหินโบราณ ร้านค้าสไตล์เอโดะ บ้านไม้หลังเตี้ยแบบดั้งเดิม รวมถึงเสียงเรียกของพ่อค้าที่แสดงบทบาทอย่างสมจริง ล้วนช่วยสร้างบรรยากาศให้รู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่ในภาพยนตร์ย้อนยุคสักเรื่องหนึ่ง

รูปภาพการแสดงภายในงานจากผู้เขียน
นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีกิจกรรมให้ทำเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น
• การยิงธนูแบบซามูไร
• ปาดาบชูริเค็น (ดาวกระจาย)
• เดินชมพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ที่เล่าเรื่องชีวิตผู้คนยุคเอโดะ
• พร้อมจุดถ่ายรูปสวย ๆ ที่แต่งธีมมาอย่างดี
นอกจากนี้ยังมีการแสดงต่าง ๆ ตลอดทั้งวัน เช่น การแสดงนินจาที่ตื่นเต้นและสมจริงมาก รวมถึงโชว์แอคชั่นที่ทำให้คนดูรู้สึกลุ้นไปด้วย เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่มาแล้วต้องไม่พลาด
สำหรับสายกิน ที่นี่ก็มีอาหารญี่ปุ่นสไตล์ดั้งเดิมให้เลือกเยอะ เช่น โซบะ เทอริยากิ ขนมญี่ปุ่นแบบโบราณ ที่เสิร์ฟในบรรยากาศที่เข้ากับธีมหมู่บ้านสุด ๆ
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่หลายคนประทับใจ คือ การแสดงดอกไม้ไฟ ที่จุดขึ้นท่ามกลางหมู่บ้านโบราณ สีสันของพลุที่ตัดกับบ้านไม้ญี่ปุ่นและเสาโทริอิแบบดั้งเดิม ทำให้เกิดเป็นภาพที่สวยงามและน่าจดจำราวกับอยู่ในเทศกาลฤดูร้อนของญี่ปุ่นในยุคเอโดะ
ถ้าใครชอบประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น วัฒนธรรมแบบดั้งเดิม หรืออยากหาที่เที่ยวแปลกใหม่ที่ทั้งสนุกและได้รูปสวยกลับไปเยอะมาก ๆ
การเดินทาง
จาก สถานี Nikkō Station / Tobu Nikko Station มีรถบัสรับ-ส่งฟรี (shuttle bus) ไปที่ Edo Wonderland ใช้เวลาประมาณ 30 นาที โดยขึ้นรถที่ป้ายในสถานี (ป้าย “Edo-mura”)
ค่าเข้าชม สำหรับบัตร 1 วัน ผู้ใหญ่ ราคา 5,800 เยน เด็ก ราคา ( 6-12 ปี ) 3,000 เยน
※บัตรรอบบ่าย afternoon Pass เข้าหลัง 14:00 ผู้ใหญ่ราคา 5,000 เยน เด็ก ราคา ( 6-12 ปี ) 2,600 เยน
ข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Edowonderland
Utsunomiya gyoza street ถนนเกี๊ยวซ่า

รูปภาพจาก Japan travel
หลังจากที่เราได้พาเพื่อน ๆ ไปรู้จักเมืองนิกโก้และสถานที่ท่องเที่ยวกันไปแล้ว คราวนี้ขอพามาทำความรู้จัก “เมืองหลัก” ของจังหวัดโทชิงิ นั่นก็คือ เมือง Utsunomiya (อุสึโนะมิยะ) เมืองที่หลายคนอาจจะเคยผ่านตาเวลาเดินทาง เพราะถ้าใครนั่งชินคันเซ็นจากโตเกียวไปนิกโก้ จะต้องมาลงและเปลี่ยนขบวนที่ Utsunomiya Station กันก่อนเสมอ
หลายคนอาจจะมองเมื่องนี้เป็นแค่ผ่านทาง แต่ความจริงแล้ว Utsunomiya เป็นเมืองที่น่าแวะเที่ยวมาก ๆ โดยเฉพาะคนที่ชอบอาหารอร่อย เพราะนี่คือ เมืองแห่งเกี๊ยวซ่า ที่มีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่น!
เหตุผลที่ Utsunomiya กลายเป็นเมืองแห่งเกี๊ยวซ่า เพราะหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ทหารญี่ปุ่นจำนวนมากที่เคยประจำการอยู่ในแมนจูเรีย (จีน) ถูกส่งตัวกลับมายังเมืองอุสึโนะมิยะ พวกเขานำสูตรเกี๊ยวซ่าแบบจีนติดตัวกลับมาด้วย ทำให้เริ่มมีร้านเล็ก ๆ เปิดขายเกี๊ยวซ่าตามมุมเมือง และความอร่อยนี้ก็ค่อย ๆ แพร่กระจายจนกลายเป็นเอกลักษณ์ของเมือง จึงถือได้ว่า จุดกำเนิดของเกี๊ยวซ่าในอุสึโนะมิยะ เริ่มต้นจากทหารที่กลับมาจากจีนในยุคนั้นนั่นเอง
ภายในตัวเมือง Utsunomiya มีโซนที่เรียกว่า “ถนนเกี๊ยวซ่า” (Gyoza Dori) ซึ่งเป็นย่านที่รวบรวมร้านเกี๊ยวซ่าดัง ๆ เอาไว้หลายร้าน แต่ถ้าจะไปช่วงเที่ยงอาจจะต้องรอคิวนานหน่อย เพราะเป็นช่วงที่คนญี่ปุ่นออกมากินกลางวันกันเยอะมาก แนะนำให้ไปช่วง เช้าใกล้เที่ยง หรือ บ่ายต้น ๆ จะคนน้อยกว่าเยอะค่ะ
พิกัดถนนเกี๊ยวซ่า google maps
Ashikaga Flower Park สวนดอกไม้อาชิคากะ

รูปภาพจาก visit tochigi
สวรรค์ของคนรักดอกไม้ ที่รวมความงามของธรรมชาติไว้ครบทุกฤดูกาล ไม่ว่าจะมาในช่วงใบไม้ผลิ ฤดูร้อน หรือฤดูหนาว ที่นี่ก็มีเสน่ห์ให้หลงรักแทบตลอดปี ไม่ว่าจะมาช่วงไหนก็คุ้มทุกครั้ง หนึ่งในไฮไลต์สำคัญคือ อุโมงค์วิสเทเรีย (Wisteria Tunnel) ต้นวิสเทเรียใหญ่ทั้งหมด 4 ต้น (พันธุ์ Noda Kuushaku 3 ต้น และ Yaekokuryu 1 ต้น) รวมถึงอุโมงค์วิสเทเรียสีขาวยาว 80 เมตร ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น โบราณสถานทางธรรมชาติของจังหวัดโทชิกิ ในช่วงที่ดอกบานสวยที่สุดระหว่าง กลางเมษายน – กลางพฤษภาคม สวนจะจัดงาน “เรื่องเล่าดอกวิสเทเรีย 〜เทศกาลโอฟุจิ〜” (ふじのはな物語~大藤まつり~)
อีกหนึ่งไฮไลต์คือเทศกาลไฟประดับฤดูหนาว “Hikari no Hana no Niwa (光の花の庭)” ซึ่งเริ่มตั้งแต่ปลายตุลาคม งานนี้ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน สามงานอิลลูมิเนชันที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น โดย Night View Convention Bureau และยังคว้า อันดับ 1 ของประเทศ จากการจัดอันดับของนักท่องเที่ยวผู้เชี่ยวชาญด้านวิวกลางคืนด้วย ทั้งสวนกลายเป็นฉากโรแมนติกสุดอลังการ กลีบดอกที่ห้อยลงมาเป็นชั้น ๆ เมื่อเจอแสงแดดอ่อน ๆ จะยิ่งสวยราวกับม่านดอกไม้ จะมากับครอบครัว เพื่อน หรือ แฟน ก็ได้บรรยากาศสุดๆ จะได้รูปดอกไม้สวยๆกลับไปเยอะแน่นอน
สามารถเช็คดอกไม้ตามฤดูกาลได้ที่ (ภาษาไทย) ashikaga
การเดินทาง
จากสถานี JR Ueno / Tokyo / Shinjuku นั่ง JR Utsunomiya Line หรือ JR Shonan-Shinjuku Line ไปลง Oyama เปลี่ยนเป็น JR Ryōmō Line ลงที่ Ashikaga Flower Park Station จากสถานี เดินเพียง 1 นาที ถึงทางเข้าเลยค่ะ เวลาเดินทางรวมทั้งหมดประมาณ 90–110 นาที
หรือจาก Utsunomiya station นั่ง JR Ryōmō Line ประมาณ 50 นาที → ลงสถานี Ashikaga Flower Park
ราคาค่าเข้าชมสวน ตามฤดูกาลในแต่ละช่วง

รูปภาพจาก ashikaga
หมายเหตุ: ช่วงดอกวิสเทเรีย (ปลายเม.ย.–พ.ค.) และช่วงไฟประดับฤดูหนาวจะเป็นช่วงที่คนนิยมมากที่สุดและราคาสูงที่สุดค่ะ
About Us
บริษัทจัดหางาน เพอร์ซันแนล คอนซัลแตนท์ฯ เราเป็นบริษัทจัดหางานญี่ปุ่นในกรุงเทพ ให้บริการจัดหางานและสรรหาบุคลากรที่มีความสามารถทั้งชาวไทยและญี่ปุ่นมาเป็นเวลากว่า 30 ปี ท่านที่สนใจหางาน อยากทำงานบริษัทญี่ปุ่น ไทยและต่างชาติ ลงทะเบียนสมัครงานกับเพอร์ซันแนลฯ ฟรี!! ไม่มีค่าใช้จ่าย
ต้องการฝากประวัติ https://www.personnelconsultant.co.th/jobseeker/register_jobseeker/
สอบถามโทร 02-2608454 หรือส่งเรซูเม่ (ภาษาอังกฤษ) jobs@personnelconsultant.co.th
Contact & Follow Us
